วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ส่งงานการถ่ายรูปสินค้า



ภาพ  นาฬิกาข้อมือ
โดย นางสาวฮุซัยนา  จาปัง  เลขที่ 41 ม.6/1
โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

มะนาว

    เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะชอบทานรสเปรี้ยวอย่างแน่นอน ซึ่งรสชาติเปรี้ยวเหล่านั้นก็มาจาก หลาย ๆ ที่มา เช่น มะขามเปียก มะกรูด กรดมะนาว น้ำส้มสายชู เป็นต้น แต่คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ารสชาติเปรี้ยวที่โดนใจคนไทยมากที่สุดนั้นก็คือรสชาติเปรี้ยวจากมะนาว ซึ่งนอกจากมะนาวจะให้รสชาติที่โดนใจคนมากมายแล้ว เจ้ามะนาวลูกกลม ๆ นี้ยังมีสรรพคุณทางยาและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ของมะนาวให้มากขึ้นกันนะคะ
มะนาวและความเป็นมา

          มะนาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Lime และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus Aurantifolia Swingle หรือ Citrus Aurantifolia Swing เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดอยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นผู้ที่เรียนรู้การใช้มะนาวเป็นอย่างดีรวมทั้งประเทศไทยด้วย มะนาวเป็นพืชที่ออกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้งจะออกผลน้อยกว่าปกติ

          มะนาวเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศได้มากมายในแต่ละปี เพราะมะนาวนั้นสามารถนำไปปรุงอาหารได้มากมายและยังสามารถนำมาเป็นเครื่องดื่ม หรือนำไปเป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะนาว

          มะนาวมีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา มีใบย่อยใบเดียว ลักษณะใบเป็นรูปไข่หรือรูปรียาว กว้าง 3-5 ซม. และยาว 4-8 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน มีปีกแคบ ๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ตามผิวใบ ออกดอกเป็นช่อสั้น 5-7 ดอก หรือออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ดอกมีสีขาว กลีบดอกมี 4-5 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผลมีรูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียวเข้ม พอแก่เป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มี 10-15 เมล็ด 

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ
มะนาว สรรพคุณอันน่าอัศจรรย์

          รู้หรือไม่ว่ามะนาวถือเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง เพราะมะนาวเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เมล็ด เปลือกของผลมะนาว หรือแม้แต่น้ำมะนาว ต่างก็มีสรรพคุณทางยามากมายจนน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังช่วยดูแลผิวพรรณให้ผุดผ่อง ใช้ทำความสะอาดเครื่องเรือนและ แถมยังช่วยเจริญอาหารอีกด้วย

          มะนาวกับสรรพคุณทางยา

          มะนาวถือเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะมะนาวมีส่วนช่วยในรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยแก้อาเจียนอันเนื่องมาจากความผิดปกติของธาตุในร่างกาย รักษาอาการลมเงียบ รักษาอาการตาแดง ช่วยบรรเทาอาการไข้
 
          นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง ช่วยในการรักษาอาการเลือดออกตามไรฟันหรือโรคลักปิดลักเปิด ช่วยบรรเทาอาการไอและขับเสมหะ บรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ ลดอาการเหงือกบวม เพราะมีวิตามินซีสูง มะนาวยังช่วยขับพยาธิและรักษาอาการท้องผูก ท้องอืด ปวดท้อง ท้องแน่น ท้องเฟ้อ รักษาอาการอาการโรคกระเพาะ ท้องร่วง แก้อาการบิด รักษาอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอยหรือขัดเบา ช่วยฟอกและบำรุงโลหิตรักษาอาการโลหิตจาง แก้โรคเหน็บชา และยังช่วยรักษาอาการปวดข้อได้

          มะนาวเป็นพืชที่มีกรดซึ่งดีต่อร่างกายอยู่เป็นส่วนประกอบ ภายในน้ำมะนาวนั้นมี กรดซิตริค (Citric Acid) กรดมาลิค (Malic Acid) และกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ซึ่งกรดซิตริคนั้นช่วยในการขจัดแคลเซียมที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง ตับอ่อน และช่วยในการสลายนิ่วในไต้ได้ และยังช่วยในการขจัดล้างสารพิษโดยการกระตุ้นด้วยเอนไซม์ธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดีขึ้น 

          มะนาวนั้นอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งสารฟลาโวนอยด์นั้น ไม่เพียงแต่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซี แต่ยังช่วยในการควมคุมระบบความดันโลหิตและช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย นอกจากนี้ในมะนาวยังมีสารลิโมนอยด์และโมดิฟายด์ ซิตรัส เพคติน ซึ่งปรากฎในการศึกษาครั้งล่าสุดว่าช่วยในการหยุดยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง, ชะลอการเจริญเติบโตและทำให้เซลล์มะเร็งนั้นตายในที่สุด ซึ่งถือว่าช่วยในการรักษามะเร็งได้ส่วนหนึ่งด้วย

          ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ระบุถึงสรรพคุณส่วนต่าง ๆ ของมะนาวดังนี้

          - น้ำมะนาว : แก้โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ทำอาหาร ขับเสมหะ ฟอกโลหิต ทำให้ผิวนุ่มนวล แก้ซาง บำรุงเสียง บำรุงโลหิต ขับระดู แก้เล็บขบ แก้ขาลาย จิบแก้ไอ ดับกลิ่นเหล้า ฆ่าพยาธิในท้อง รักษาผม ขับลม รักษาลมพิษ แก้ริดสีดวง แก้ระดูขาว แก้พิษยางน่อง แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ

          - ราก : กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษสำแดง แก้สติหลงลืม แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ ถอนพิษไข้ กลับไข้ซ้ำ

          - ใบ : ฟอกโลหิต แก้ตับทรุด

          - ดอก : แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ ) แก้ไอ ขับเสมหะ

          - ผล : แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง ทาแก้ผิวแห้งตกสะเก็ด แก้สิวฝ้า แก้ส้นเท้าแตก แก้ไอ รักษาแผลจากแมลงมีพิษ

          - เมล็ด : แก้พิษตานซาง แก้หายใจขัด แก้ไข้ขับเสมหะ แก้พิษฝีภายใน

คุณค่าทางโภชนาการของมะนาว

          ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรฯ ของสหรัฐอเมริกา (USDA) ระบุว่า ในมะนาวดิบ 1 ผล ปริมาณ 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ดังนี้ 

          - น้ำ 88.26 กรัม
          - พลังงาน 30 แคลอรี่
          - โปรตีน 0.70 กรัม
          - ไขมัน 0.20 กรัม
          - คาร์โบไฮเดรต 10.54 กรัม
          - ไฟเบอร์ 2.8 กรัม
          - น้ำตาล 1.69 กรัม
          - แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
          - แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
          - ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
          - โพแทสเซียม 102 มิลลิกรัม
          - โซเดียม 2 มิลลิกรัม
          - วิตามินซี 29.1 มิลลิกรัม
          - วิตามินเอ 50 IU

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ

มะนาวกับการลดความอ้วน

          เชื่อหรือไม่ว่า มะนาวสามารถช่วยในการลดความอ้วนได้ในทางอ้อม เพราะมะนาวมีกรดต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการสลายไขมัน นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินซีสูง เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์จะเป็นปกติ ไขมันเลวจะลดลงและช่วยให้ไขมันดีเพิ่มขึ้นอีกด้วย 

          สูตรน้ำมะนาวลดความอ้วน

          ส่วนผสม มะนาว 1 ผล, น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา, เกลือป่นปลายช้อนชา, น้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิปกติ 1 แก้ว

          วิธีทำ ชงน้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายแดงกับเกลือในน้ำอุ่นจนละลาย ทิ้งไว้สักครู่ให้น้ำอุณหภูมิปรกติ แล้วบีบน้ำมะนาว 1 ผล เพราะหากน้ำยังร้อน ความร้อนก็จะทำลายวิตามินซีในมะนาว คนแล้วรีบดื่มให้หมด ควรดื่มก่อนนอนสัก 15-20 นาที

          การดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนนั้นจะทำให้ร่างกายจะได้วิตามินซี แม้มะนาวว่าจะมีกรดซิตริก กรดมาลิค แต่เมื่อผ่านกระบวนการย่อยของร่างกายจะแปรสภาพเป็นด่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าดื่มทุกวันเป็นประจำ ร่างกายจะแข็งแรงสุขภาพโดยรวมจะดีขึ้น ไม่เป็นหวัดง่าย กระดูกแข็งแรง และทำให้ผอมลงอีกด้วย

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ

มะนาวกับความงาม

          มะนาวถูกใช้ในการรักษาผิวพรรณมานานตั้งแต่สมัยโบราณ นอกจากจะใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณแล้ว ยังช่วยในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิดอีกด้วย เพราะมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสาเหตุของริ้วรอยและช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึงดูอ่อนเยาว์กว่าวัยค่ะ
 
          สิวหายเกลี้ยงด้วยมะนาว

          ส่วนผสม มะนาว 1 ช้อนชา, ไข่ขาว 1 ช้อนชา

          วิธีทำ นำไข่ขาวผสมกับน้ำมะนาวแล้วตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นแต้มลงที่บริเวณตุ่มสิวทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน

          เล็บสวยด้วยน้ำมะนาว

          น้ำมะนาวสามารถใช้ในการบำรุงเล็บเพื่อให้เล็บเราสวยและแข็งแรงได้ โดยการฝานมะนาวพร้อมเปลือกออกเป็นซีก ๆ แล้วเอามาขัด ๆ ถู ๆ ตามเล็บมือเล็บเท้าเพื่อเป็นการ ทำความสะอาด โดยถูไปตั้งแต่ผิวเล็บ ตลอดจนทุกซอกทุกมุมของเล็บ สูตรนี้สามารถทำได้บ่อย ๆ เพราะเล็บเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว ดังนั้นจะไม่มีอาการแพ้แน่นอน ใครที่อยากมีเล็บสวย ๆ ก็ลองเอาไปทำได้นะคะ

          ผมนุ่มสลวยไร้รังแคด้วยมะนาว

          ส่วนผสม น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ, น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

          วิธีทำ นำน้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่า แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นนวดลงบนศีรษะตั้งแต่หนังศีรษะ จนถึงปลายผม ทิ้งเอาไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างออก จะช่วยล้างรังแคเหนียว ๆ ที่ติดอยู่บนหนังศีรษะออกได้ และทำให้ผมนุ่มสลวยอีกด้วย

          พอกผิวกายด้วยน้ำมะนาว

          ส่วนผสม มะนาว 1 ผล, ดินสอพอง 5 - 6 เม็ด

          วิธีทำ นำดินสอพองที่เตรียมไว้มาบดให้ละเอียด แล้วบีบน้ำมะนาวลงในภาชนะที่ใส่ดินสอพองบด แต่ควรระวังอย่าให้เหลวจนเกินไป ล้างร่างกายให้สะอาด แล้วเช็ดตัวให้พอหมาด ๆ จากนั้นนำดินสอพองที่ผสมเอาไว้พอกลงตามร่างกายให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง 

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ

          ผิวสวยใสได้ด้วยมะนาว

          ส่วนผสม มะนาว 1 ช้อนชา, น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา, เกลือ ½ ช้อนชา

          วิธีทำ นำเกลือมาผสมกับน้ำมันมะกอก ให้พอหนืด ๆ แล้วเติมน้ำมะนาวลงไปให้พอเข้มข้น คนให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับผิว เกลือจะทำหน้าที่ลอกผิวหนังที่ตายแล้วและทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ส่วนน้ำมะกอกทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น และน้ำมะนาวจะช่วยผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ควรผสมมะนาวเยอะเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเพราะฤทธิ์มะนาวที่เป็นกรดได้

          นอกจากนี้ มะนาวยังช่วยกำจัดผิวมันได้อีกด้วยเพียงนำก้านสำลีชุบกับน้ำมะนาวเช็ดให้ทั่วใบหน้าก่อนนอน จากนั้นทิ้งเอาไว้ 1 คืน แล้วล้างออกในตอนเช้า ก็จะช่วยทำให้ผิวไม่มันค่ะ

น้ำมะนาว

ประโยชน์ของน้ำมะนาว

          น้ำมะนาวนอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารและผสมในเครื่องดื่มแล้ว น้ำมะนาวยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพต่าง ๆ อีกด้วย

          สูตรล้างพิษด้วย น้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว 

          ส่วนผสม น้ำดื่ม 2 ลิตร, มะนาว 4 ลูก, เกลือป่น 2 ช้อนชา (ห้ามใช้เกลือไอโอดีน)

          วิธีทำ ผสมน้ำดื่มกับน้ำมะนาวและเกลือ แล้วค่อย ๆ ดื่มไปเรื่อย ๆ โดยมะนาวจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน ส่วนเกลือก็จะช่วยอุ้มน้ำไว้ไม่ให้ถูกร่างกายดูดซึมไปหมด และหลังจากดื่มน้ำมะนาวประมาณ 10-20 นาที จะเกิดอาการถ่ายท้อง เมื่อถ่ายท้องเสร็จแล้วสามารถทานอาหารได้ตามปกติ ควรทำอย่างน้อยเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และสามารถช่วยในการลดน้ำหนักอีกด้วย

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ 

          สูตรน้ำผึ้งผสมมะนาว

          น้ำผึ้งผสมมะนาวมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสุขภาพมากมาย ทั้งการช่วยบำรุงร่างกายสำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและผู้ที่มีร่างกายอ่อน เพลีย การรักษาอาการเจ็บคอ หรือแม้แต่การรักษาแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย

          ส่วนผสม น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย, น้ำอุ่นสำหรับละลาย น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย, น้ำมะนาวคั้น 1/3 ถ้วย, น้ำเย็นจัด สำหรับผสม 2 ถ้วย

          วิธีทำ นำน้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งและน้ำอุ่นให้เข้ากัน แล้วนำไปผสมกับน้ำเย็นจัด จากนั้นอาจจะใส่น้ำแข็งเพิ่มหรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่ม สามารถดื่มได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน

ประโยชน์ของมะนาว เปรี้ยวจี๊ด เปี่ยมสรรพคุณ
 
ความเชื่อผิด ๆ มะนาวโซดารักษามะเร็งไม่ได้นะ !
 
          มีความเชื่อว่าน้ำมะนาวผสมโซดานั้นสามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่ง นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุวัฒนะนานาชาติ ได้เปิดเผยว่า ยังไม่มีผลการวิจัยได้ ๆ พิสูจน์ว่า น้ำมะนาวผสมโซดานั้นสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เพียงแต่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะจากเซลล์มะเร็งได้แต่ไม่เหมือนกับเคมีบำบัด พบเพียงคุณสมบัติในการล้างพิษและดีท็อกซ์เท่านั้น 
          นอกจากนี้น้ำมะนาวโซดายังไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน เพราะอาจทำให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร และไม่ควรดื่มขณะท้องว่าง หรือทุกมื้อ ทุกวัน แต่ควรดื่มเป็นครั้งคราวเท่านั้น

กล้วย

      กล้วย เป็นผลไม้ที่หากินได้ง่ายในบ้านเรา แถมยังมีกล้วยให้เลือกกินอยู่หลายชนิดด้วยกันอีกต่างหาก ทว่ากล้วยที่ได้กินกันบ่อย ๆ ก็คงหนีไม่พ้นกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยหอม เพราะนอกจากจะกินกล้วยเป็นผลไม้แล้ว กล้วยแต่ละชนิดยังนำไปทำขนมอร่อย ๆ ได้อีกด้วยเนอะ แต่ครั้นจะกินกล้วยไปวัน ๆ โดยไม่รู้จักประโยชน์ของกล้วยกันเลย นั่นก็ไม่ใช่สไตล์เราค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักสรรพคุณของกล้วยหอม มาดูซิว่าประโยชน์ของกล้วยหอมต่อสุขภาพ มีอะไรเด็ด ๆ จนต้องร้องว้าวกันบ้าง

          อ่อ...แต่ก่อนจะไปเจาะลึกถึงประโยชน์ของกล้วยหอมกัน เราจะพาทุกท่านมาดูข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กันก่อนว่า คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอมในปริมาณ 100 กรัม มีสารอาหารที่สำคัญอะไรบ้าง

กล้วยหอม
คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอม ปริมาณ 100 กรัม (ประมาณ 1 ลูกขนาดกลาง)

          - พลังงาน 132 กิโลแคลอรี

          - น้ำ 66.3 กรัม

          - โปรตีน 0.9 กรัม

          - ไขมัน 0.2 กรัม

          - คาร์โบไฮเดรต 31.7 กรัม

          - ไฟเบอร์ 1.9 กรัม

          - ซัลเฟต 0.9 กรัม

          - แคลเซียม 26 มิลลิกรัม

          - ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม

          - เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม

          - เบต้า-แคโรทีน 99 ไมโครกรัม

          - วิตามินเอ 17 ไมโครกรัม

          - วิตามินบี 1 (ไทอะมีน) 0.04 มิลลิกรัม

          - วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.07 มิลลิกรัม

          - ไนอะซีน 0.1 มิลลิกรัม

          - วิตามินซี 27 มิลลิกรัม

กล้วยหอม
 
ประโยชน์ของกล้วยหอมต่อสุขภาพ
1. ช่วยป้องกันกระดูกเปราะ

          จะเห็นได้ชัดว่ากล้วยหอมมีฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง ซึ่งสารอาหารชนิดนี้จะมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกเราได้ อีกทั้งในกล้วยหอมก็ยังมีแคลเซียมช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้อีกทาง

2. ต้านอนุมูลอิสระ
          กล้วยเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่พอสมควร ดังนั้นจะถือเป็นผลไม้ต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งก็ไม่ผิดนัก อีกทั้งวิตามินซีที่มีอยู่ในกล้วยยังจะช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด และป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้ด้วยนะคะ

กล้วยหอม
3. ช่วยคลายเครียด

          เมื่อร่างกายตกอยู่ในสภาวะเครียด ความดันเลือดก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้เรารู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว หรืออาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวตุบ ๆ ได้ ซึ่งจุดนี้โพแทสเซียมและวิตามินในกล้วยหอมจะช่วยลดความดันเลือดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้ร่างกายลดระดับความตึงเครียดลงไปด้วยนั่นเอง

4. บำรุงสายตา

          กล้วยหอมพกมาทั้งวิตามินเอ และเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อสุขภาพดวงตา มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทตา จึงสามารถบำรุงสายตาและการมองเห็นได้เป็นอย่างดี 

5. แก้ท้องผูก

          ไฟเบอร์ที่มีอยู่ในกล้วยหอมเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายของเรามากเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก ก็น่าจะช่วยแก้ท้องผูกให้คุณได้


 
6. ช่วยเติมพลังให้ร่างกาย

          บทบาทนี้ของกล้วยหอมต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินซีเลยค่ะ เพราะวิตามินซีมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการผลิตพลังงานของร่างกาย ฉะนั้นใครอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกก็ช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมก่อนออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้อึดขึ้นด้วย

7. แก้นอนไม่หลับ

          กินกล้วยหอมก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนไม่หลับได้ค่ะ เพราะกล้วยหอมอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนในร่างกายที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ดังนั้นใครมีอาการนอนหลับกระสับกระส่าย นอนไม่หลับบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมหลังมื้อเย็นแล้วค่อยอาบน้ำนอน

8. ช่วยย่อยอาหาร

          กากอาหารในกล้วยหอมจะช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งถ้ากินกล้วยหอมได้บ่อย ๆ ก็จะช่วยปรับจูนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติดี ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาช่วยย่อยกันอีกเลย


9. กินกล้วยหอมลดความอ้วนก็ได้ !
          ขอออกตัวก่อนค่ะว่ากล้วยหอมไม่ใช่ผลไม้แคลอรีต่ำ เพราะแคลอรีในกล้วยหอม 1 ลูกย่อม ๆ ก็ให้พลังงานประมาณ 132 กิโลแคลอรีกันเลย ทว่าจุดเด็ดที่ทำให้กล้วยหอมช่วยลดน้ำหนักได้ก็คือ กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัวและช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น 
          อ้อ ! ขอแถมให้อีกหนึ่งทริค ถ้าอยากกินกล้วยหอมลดน้ำหนักจริง ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมตอนเช้า เพราะน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตในกล้วยหอมจะช่วยลดความอยากอาหารหวาน ๆ ของร่างกาย ทำให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น
10. บำรุงหัวใจ

          ในกล้วยหอมมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้อีกด้วย ที่สำคัญเบต้า-แคโรทีนในกล้วยหอมยังมีส่วนช่วยบำรุงความสมบูรณ์แข็งแรงของหลอดเลือดเราได้อีกทาง ดังนั้นพยายามกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวันก็จะดีต่อใจมาก ๆ เลยล่ะ


สรรพคุณกล้วยหอมพร้อมเป็นยา

 กล้วยหอม

1. เป็นยาทำให้ปอดชุ่ม รักษาโรคร้อน กระหายน้ำ

          ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน กล้วยหอมมีรสเย็น และเข้าเส้นลมปราณปอด จึงมีการนำกล้วยหอมมารักษาโรคร้อน กระหายน้ำ แก้เมาแฮงก์ แก้ไอเรื้อรังจากอาการคอแห้ง เพียงแค่กินกล้วยหอมสุกหรือสมูทตี้กล้วยหอมก็ได้

2. รักษาความดันโลหิตสูง
          ตำรับยาสมุนไพรใช้เปลือกกล้วยหอมสด 30-60 กรัม ต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาหม้อช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ หรือหากต้มปลีกล้วยกินเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้

3. รักษาโรคริดสีดวงทวาร

          ใครมีอาการท้องผูก หรือเป็นริดสีดวงทวาร ตำรับนี้จะช่วยแก้อาการให้คุณได้ เพียงแค่กินกล้วยหอมสุก 1-2 ลูกทุกเช้าขณะท้องว่างเป็นประจำ

4. รักษาอาการมือ-เท้าแตก

          เปลือกกล้วยหอมยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการมือ-เท้าแตกได้ด้วยนะคะ โดยนำกล้วยหอมที่สุกเต็มที่มาเจาะรูเล็ก ๆ ที่ปลายข้างหนึ่ง แล้วบีบเอากล้วยออกมาทาที่เท้าแตก ทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมงหน่อยแล้วค่อยล้างออก ทำบ่อย ๆ ผิวที่เคยแห้งแตกจะชุ่มชื้นและดูดีขึ้นได้


โทษของกล้วยหอม

          ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ อย่างกล้วยหอมเองก็มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วย ซึ่งก็คือไม่ควรกินกล้วยหอมมากเกินขนาด สักวันละ 1-2 ลูกก็เพียงพอ เพราะกล้วยหอมมีฤทธิ์เย็น ไม่เหมาะต่อคนที่มีอาการท้องอืด มีลมในท้องมาก มีเสมหะมากเนื่องจากอาการม้ามพร่อง เพราะอาจทำให้อาการเหล่านี้ยิ่งกำเริบได้ 
          ขอทิ้งท้ายไว้นิดนึงว่า สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก อย่าลืมนะคะว่ากล้วยก็มีแคลอรีพอประมาณ ถ้ากินเกินวันละ 2 ลูกก็ให้พลังงานเกือบ 300 กิโลแคลอรีแล้ว ฉะนั้นเลือกกินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้ครบถ้วน และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำจะดีกว่า

เสม็ดนางชี

   จุดชมวิวเสม็ดนางชี แหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งจังหวัดพังงา เพิ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวไม่นานนัก ความสวยงามของที่นี่ร่ำลือกันว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายที่หวังจะมาชื่นชม และซึมซับบรรยากาศภาพความสวยงามของพระอาทิตย์ที่แทรกตัวขึ้นจากด้านหลังหุบเขา เหมือนกับที่ คุณ popumon สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้มีโอกาสไปเยือนที่สถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเองมาแล้ว จนถึงกับต้องร้องว้าว !!! ออกมาดัง ๆ ให้กับความอะเมซิ่งในความสวยงามแบบอันซีนซึ่งอยู่ในเมืองไทยของเรานี่เอง 

          นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่รอบจุดชมวิวเสม็ดนางชีมากมาย อย่าง "ท่าเรือบ้านหินร่ม" "ท่าเรืออาบแสงจันทร์" "เขาพระอาดหนุ่ม" รับรองได้ว่าคุณต้องหลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปกับความเรียบง่ายในทุกสรรพชีวิตแห่งท้องทะเลพังงาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น อย่าช้า...ตามเราไปสำรวจด้วยกันเลย


++++++++++++++++++++++++

          "SEEN the UNSEEN" จุดชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา สรวงสวรรค์อีกแห่งที่ต้องไปเยือน ที่นี่คือสรวงสวรรค์ที่ผมได้พบเจอโดยบังเอิญ ...

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ย้อนไปเมื่อสามเดือนที่แล้วก่อนที่นี่จะเปิด ผมได้มีโอกาสโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สนามบินภูเก็ต ก่อนที่เครื่องจะลงทางซ้ายมือผมเหมือนกับได้เห็นสรวงสวรรค์ ... ภูเขาหินปูนกลางทะเลเหล่านั้นกำลังกวักมือเรียกผม

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          หลังจากนั้นผมก็เริ่มออกเดินทางไปสำรวจ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผม เมื่อผมเข้าไปถึงบริเวณนั้น ที่นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้เดินทางหลงเข้ามายังอีกโลกหนึ่ง ณ ที่โลกใหม่แห่งนี้ช่างเงียบสงบและน่าค้นหา ...

          จากนั้นผมก็เริ่มไป ๆ มา ๆ ที่นี่บ่อยมากขึ้น ไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ในละแวกนั้น จนในที่สุดผมได้มาพบกับ "บังหนี" ผู้บุกเบิกจุดชมวิวเสม็ดนางชี ภารโรงผู้มีจิตสาธารณะ ไม่ใช่แค่สร้างจุดชมวิว แต่ยังสร้างสนามวอลเลย์ ตะกร้อ และค่ายมวยให้กับเด็กในชุมชนนั้นได้มาเล่นกัน เพื่อห่างไกลยาเสพติด

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ผมได้เห็นความตั้งใจของบังหนีที่พยายามบุกเบิกจุดชมวิวตั้งแต่ต้นไม้ยังรก ๆ อยู่ จนวันนี้ความยากลำบากที่ลุงตั้งใจทำมาเห็นผลเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น จากคนในละแวกนั้นบอกว่า "บ้า...จะทำไปทำไม" วันนี้ความบ้านั้นคือรางวัลอันยิ่งใหญ่

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ครูสงัด จันทร์แก้ว ผู้บุกเบิกท่าเรือบ้านหินร่ม อีกหนึ่งบุคคลที่มีจิตสาธารณะ ซึ่งบังหนีให้ความเคารพรักในตัวครูมาก ๆ ครูสงัดหรือคนที่นั่นเรียกว่า "ครูหงัด" เป็นอีกหนึ่งบุคลที่มีส่วนช่วยผลักดันให้บังหนีทำในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ คนในละแวกนั้นทุกคนรู้จักครูหมด ซึ่งถ้าจะให้บอกสิ่งที่น่ายกย่องของครูแล้ว คงอธิบายได้ไม่หมดภายในวันเดียว

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา
Canon 5DsR, EF 11-24mm f/4L USM, @11mm, 30s, f4, iso200

          ผมได้มีโอกาสไปถามคนแถวนั้นเกี่ยวกับเสม็ดนางชีว่าความหมายของคำนี้คืออะไร ได้ใจความมาประมาณว่า เหม็ด ภาษาใต้มาจาก เหม็ดผ้า เหมือนกับยกผ้าขึ้น แล้วเมื่อก่อนคลองตรงนั้นจะมีน้ำขึ้นน้ำลงบ่อย มีพระกับแม่ชีเดินผ่าน ถ้าเดินโดยที่ไม่เหม็ดผ้าก็จะเปียก เลยเรียกว่าเสม็ดนางชี

          อ่าวพังงา ในมุมมองที่ผมไม่เคยวาดฝันมาก่อนว่ามันจะออกมาสวยขนาดนี้

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา
by DJI Phantom3 (Pro), 1/1250s, f2.8, iso100

          การเดินทางไปจุดชมวิวเสม็ดนางชี เข้าตรงซอยบ้านท่าอยู่ ขับตรงไปเรื่อย ๆ 13 กิโลเมตร หลังจากนั้นเราจะเห็นจุดชมวิวอยู่ทางขวามือ

          ซอยทางเข้าบ้านท่าอยู่ : 8.280032,98.371467 (จากถนนใหญ่ก่อนถึงซอยเราจะเห็นสะพานลอยครับ ให้ชะลอรถและเตรียมเลี้ยวซ้ายได้เลย)

          ทางขึ้นจุดชมวิว : 8.240564, 98.449013 (อยู่ทางขวามือ)

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          MAP จากมุมสูงของจุดชมวิวครับ

          ~ จุดชมวิวเสม็ดนางชี, บ้านเสม็ดนางชี หมู่ 2 หินร่ม ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ~

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ค่าธรรมเนียมการเข้าชมของที่นี่ครับ คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 50 บาท เด็กเล็กฟรี ค่าเช่าเต็นท์พร้อมอาหารเช้า 400 บาทต่อหลัง (นอนได้ 2 คน) ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 100 บาท

          *** ข้อควรปฏิบัติ ***

          - ห้ามนำรถขึ้นไปบนจุดชมวิว
          - ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นไป
          - ขยะทุกชิ้นนำขึ้นไปแล้วขากลับนำกลับลงไปทิ้งข้างล่างด้วยครับ
          - ห้ามส่งเสียงดังในบริเวณจุดชมวิว

          สำหรับเลนส์ที่เหมาะในการเก็บภาพข้างบนจุดชมวิวก็แทบจะใช้ทุกช่วงเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Wide, Normal และ Tele

          จุดชมวิวเสม็ดนางชีถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราสามารถไปนอนชมดาวกันได้ครับ เพราะว่าห่างไกลจากแสงเมือง

          ทางช้างเผือก (Milky Way) กับแสง Twilight ยามเช้า

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          Canon 5DsR, EF 24mm f/1.4L II USM, @24mm, 15s, f1.4, iso800, 7 Vertical Panorama

          พอเริ่มสว่างหน่อยหนึ่งช้างก็จะจาง แต่แสงสีที่ขอบฟ้าจะจี๊ดขึ้น

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          Canon 5DsR, EF 24mm f/1.4L II USM, @24mm, 10s, f1.4, iso1250, 6 Vertical Panorama

          กว้าง ๆ 180 องศา กับวิวอ่าวพังงาสุดอลัง

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา
Canon 5DsR, EF 24-70mm f/4L IS USM ,@24mm, 30s, f4, iso50, 3 Panorama

          ใช้เลนส์ Tele เจาะได้หลายมุมเลย แต่ละมุมก็สวยมาก ๆ
 
จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          Canon 5DsR, EF 100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM, @100mm, 1.3s, f4.5, iso50

          ขากลับตอนเดินลงเกือบจะถึงข้างล่างแล้ว ก็มีมุมแบบนี้ให้ถ่าย เพื่อน ๆ เห็นกันไหม ?

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          "OK หลังจากนี้เราไปชมภาพในมุมต่าง ๆ กันครับ"

          สีชมพู

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ทิวเขากับทะเลหมอก

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          วันไหนที่มีความชื้นเยอะ ๆ บนยอดเขาก็จะมีเมฆลอยปกคลุมบนยอดแบบนี้ครับ

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          มุมมองจากอากาศยานไร้คนขับ (Drone)

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ถึงแม้จะชมพระอาทิตย์ตกไม่ได้ แต่เชื่อไหมว่าที่นี่ช่วงเย็นก็สวยได้ มีมนตร์เสน่ห์ที่น่าจดจำไปอีกฟีลหนึ่ง

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          แสงจากหลังเขาช่วงเย็นจะส่องไปที่ทิวเขาที่อยู่ตรงหน้าเรา ทำให้เขาเป็นสีส้มสวยงามมาก

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ถ้าเช็กเวลาดี ๆ เราก็สามารถชมพระจันทร์ขึ้นจากน้ำได้จากที่นี่ จะสวยมากถ้าเป็นจันทร์เต็มดวง ภาพนี้ไม่ได้ถ่ายตอนเช้า ดวงที่สว่างในภาพไม่ใช่พระอาทิตย์ แต่เป็นพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างทำให้เราสามารถมองเห็นวิวในยามค่ำคืนได้ชัดเจน

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ที่นี่จึงเหมาะกับการมาพักนอนค้างคืนชมทั้ง 2 บรรยากาศ ทั้งเย็นและเช้าเป็นอย่างมาก

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

-----------------------------------------

          นอกจากจุดชมวิวเสม็ดนางชีแล้วยังมีจุดอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกนะครับ !!!

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ที่ผมอยากจะแนะนำคือท่าเรือบ้านหินร่ม (GPS : 8.237864,98.457518)

          หลังจากเราชมวิวที่เสม็ดนางชีเสร็จแล้ว แถวนั้นยังมี "ท่าเรือบ้านหินร่ม" ด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือที่สวยมาก ๆ แห่งหนึ่ง เพราะมีวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน นอกจากนั้นท่าเรือบ้านหินร่มยังเปิดให้บริการนำเที่ยวไปยังเกาะต่าง ๆ ภายในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาได้ เช่น เกาะตาปู ถ้ำลอด เกาะปันหยี เป็นต้น

          ซึ่งท่าเรือนี้ถือเป็นท่าเรือใหม่ที่อยู่ใจกลางของอ่าวพังงา สามารถไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในอุทยานได้รวดเร็วมาก ๆ ครับ ที่นี่มีวิถีชีวิตชาวบ้านที่น่าสนใจ วิวสวย ว่าง ๆ มาชิลมาเที่ยวที่นี่ได้ครับ คนที่นี่เป็นมิตรมาก ๆ

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          วันที่น้ำลด

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          มุมมองจากโดรน มองเห็นเขาพระอาดหนุ่มตั้งเด่นงามตระการตา ถัดมาตรงกลางคือที่มาของชื่อหมู่บ้านนี้ นั่นก็คือหินร่ม เมื่อสมัยก่อนหินจะมีรูปร่างคล้ายร่ม ชาวประมงใช้ที่นี่เป็นที่หลบแดดหลบฝน แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการใช้ระเบิดในการทำประมง หินเลยถล่มลงมาจากแรงสั่นสะเทือน ......

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          สมัยก่อนนี่คือหินร่ม ตอนนี้ล่มไปเสียแล้ว

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ท่าเรืออาบแสงจันทร์ ด้านหลังเป็นเขาพระอาดเฒ่า

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          ทางช้างเผือกกับท่าเรือบ้านหินร่ม

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          มุมนี้ถ่ายจากโดรน บินขึ้นจากเรือ เป็นอีกมุมที่สวยมากครับ นั่งเรือจากท่าเรือบ้านหินร่ม (8.237819, 98.457595) ใช้เวลาเพียง 15 นาที ถึงจุดขึ้นโดรนกลางทะเลครับ จุดที่ผมขึ้นคือแถว ๆ จุดนี้ครับ (8.253936, 98.492618) ภาพนี้เป็นแสงเย็น แสงเช้าก็น่าจะสวยเช่นกันแถมได้ลุ้นหมอกอีก !!

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          แสงสีเริ่มสวย

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          จุดลงสมอเรือ

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

          "ส่วนมุมอื่น ๆ ที่อยู่ในละแวกนั้นครับ ไปรับชมกันได้เลยครับ"

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา



ส่งงานการถ่ายรูปสินค้า

ภาพ  นาฬิกาข้อมือ โดย นางสาวฮุซัยนา  จาปัง  เลขที่ 41 ม.6/1 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล